JOBGATE BLOG
ขั้นตอนที่ 1 : ระบุชื่อเรื่องอีเมล์ให้ชัดเจน หัวข้ออีเมล์เป็นจุดแรกที่ HR เริ่มพิจารณาว่าจะ “เปิดอ่าน” หรือ “คัดออก” เพราะถ้าคุณเขียนแบบ “ไม่มืออาชีพ” หรือ “เขียนผิด” ตั้งแต่หัวข้อ HR คงกดลบอีเมล์คุณทิ้งอย่างไม่ใยดี ตัวอย่างประโยคที่ควรใช้ : Apply for (ชื่อตำแหน่ง) Position - (ชื่อ-นามสกุล หรือแค่ (ชื่อตำแหน่ง) Position - (ชื่อ-นามสกุล)
ขั้นตอนที่ 2 : เขียนวันที่ให้ถูกต้อง บางคนอาจจะสงสัยว่า “จำเป็นต้องเขียนวันที่ด้วยเหรอ” ดูที่ตัวอีเมล์เอาก็ได้มั้ง ก็จริงอยู่ว่า HR สามารถดูวันที่จากอีเมล์ที่คุณส่งไปได้ แต่คงจะดีกว่าถ้าเปิดมาแล้วพบคุณเริ่มต้นด้วยการเขียนวันที่เพื่อย้ำเตือนว่าอีเมลล์ของคุณถูกส่งมาตั้งแต่วันไหน เพื่อ HR จะได้เห็นชัดๆ และพอจะทราบได้ทันทีว่าอีเมลล์สมัครงานของคุณ เป็นอีเมล์ที่เพิ่งถูกส่งมาใหม่ๆ ไม่ใช่อีเมล์ที่ค้างคาอยู่ในแอคเค้าท์ที่ HR ลืมเปิดเอง ตัวอย่างการเขียนวันที่ : 11 March 2018 March 11, 2018
ขั้นตอนที่ 3 : ชื่อผู้รับ ตำแหน่ง ชื่อบริษัท คุณจะสมัครงานที่บริษัทไหนก็ควรจะระบุชื่อบริษัทลงไปด้วย ไม่ควรเขียนเหมือนกันทุกอีเมล์แล้วฟอร์เวิร์ดไปทีเดียว 10 บริษัท เพราะมันดูไม่เป็นมืออาชีพและดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจ หรือไม่อยากได้งานนี้จริงๆนะครับ ฉะนั้นจุดที่สามนี้คุณควรระบุชื่อผู้รับ (ในกรณีที่คุณทราบว่าส่งให้ใคร) ระบุตำแหน่ง และชื่อบริษัทให้ถูกต้อง ตัวอย่างการเขียนชื่อผู้รับ : Mr./Mrs./Ms. (ชื่อ-นามสกุล) Human Resources Manager XYZ Company
ขั้นตอนที่ 4 : เปิดประโยคอย่างสุภาพชน คนไทยเรามักจะนึกไม่ค่อยออกว่าควรจะขึ้นต้นจดหมายว่าอะไร เพราะในภาษาพูดเราก็ใช้ “Good morning/Hello/Hi” ซึ่งคำเหล่านี้มักจะไม่ใช้ในการเขียนอีเมล์ คำที่ควรใช้นั้นจริงๆแล้ว คือคำว่า “Dear” นั่นเอง ตัวอย่างประโยคที่ควรใช้ : Dear Mr./Mrs./Ms. (ชื่อผู้รับ) ถ้าไม่ทราบชื่อผู้รับก็ Dear Mr./Mrs./Ms. เฉยๆก็ได้ครับ หรือจะใช้ Dear Contact Person แบบนี้ก็ได้ครับ
ขั้นตอนที่ 5 : บอกเขาว่าคุณส่งมาสมัครงาน แน่นอนว่าเมื่อเริ่มเข้าสู่เนื้อหาจดหมายแล้ว คุณควรพิมพ์แจ้งว่าคุณส่งอีเมล์นี้มาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร คุณสนใจสมัครตำแหน่งอะไร และอาจบอกเพิ่มว่าคุณไปเห็นตำแหน่งนี้มาจากที่ไหน ตัวอย่างประโยคที่ใช้ได้ : I am writing to apply for the (ชื่อตำแหน่ง) position advertised in the JobsDB. I'm writing to express my interest in the (ชื่อตำหน่ง) position listed on Goodjobs.com.
ขั้นตอนที่ 6 : เล่าเกี่ยวกับตัวเองคร่าวๆ ก่อนที่ HR จะกดดูเรซูเม่ของเรา เราควรจะสร้างความน่าสนใจตั้งแต่ในอีเมล์เสียก่อน โดยคุณอาจทบทวนดูว่างานที่คุณกำลังสมัครนี้ต้องการทักษะหรือประสบการณ์แบบใดเป็นพิเศษหรือไม่ โดยคุณควรกล่าวถึงทักษะหรือประสบการณ์นั้นๆ เพื่อทำให้โปรไฟล์ของคุณดูน่าสนใจ และยังเป็นการสร้างความสนิทสนมกับผู้รับอีเมลล์ในขั้นแรกอีกด้วย ตัวอย่างการแนะนำตัว : The opportunity presented in this job description is very interesting, and I believe that my experience and my educational background will make me a very competitive candidate for this position. With a MBA degree in Finance and Investment, I have a full understanding of the Business Finance and I also have experience in Accounting. นอกจากการพูดข้อดีของเราที่เหมาะสมกับตำแหน่งแล้ว ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน ก็ควรบอกด้วยว่ามี Experiance อะไรบ้างโดยลิสต์เป็นข้อๆ ว่าทำงานอะไรมา รับผิดชอบโปรเจ็คท์อะไร เป็นต้น และถ้าหากคุณมีเอกสารแนบ เช่น เรซูเม่ พรีเซนเทชั่น ใบรับรอง หรือตัวอย่างพอร์ทผลงานของคุณ สามารถแจ้งเพิ่มเติมได้ว่า “I am enclosing a completed job application, my certification, my resume, and my portfolio.” คุณได้แนบใบสมัครที่กรอกแล้ว ใบรับรอง/ใบประกาศ เรซูเม่ และพอร์ทฟอลิโอมาด้วย
ขั้นตอนที่ 7 : จบอีเมล์ด้วยการขอบคุณและบอกช่องทางการติดต่อกลับ หลังจากที่เราบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองคร่าวๆ เราควรจบอีเมล์ด้วยประโยคเช่น “Please see my resume for additional information on my experience.” กรุณาดูเรซูเม่เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ และขอบคุณผู้รับที่สละเวลาอ่านอีเมล์ของคุณว่า “Thank you for your time and consideration.” ซึ่งตรงนี้เป็นมารยาทสากลที่คุณควรขอบคุณผู้พิจารณาอีเมล์ของคุณ หลังจากนั้นคุณควรทิ้งช่องทางการติดต่อให้กับทางบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทร อีเมล์นี้ หรือสะดวกให้นัดพบ ก็ควรแจ้งไปในอีเมล์ด้วยเลย ตัวอย่างการแจ้งช่องทางติดต่อกลับ : I can be reached anytime via email at [email protected] or my cell phone, 099-123-4567. I can come and visit your office at anytime. I can be reach at 099-123-4567. และ I look forward to speaking with you about this employment opportunity.
ขั้นตอนที่ 8 : ลงชื่อจบสวยๆ
สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรทำ (แต่มักทำพลาดบ่อยๆ) คือการจบอีเมล์ด้วยคำว่า Thank you ซึ่งเป็นคำที่ดูไม่เป็นทางการ ไม่เหมาะสมสำหรับการติดต่อเรื่องงาน ซึ่งคำที่ควรใช้ก็มีให้เลือกอยู่หลายคำ ตัวอย่างคำที่ควรใช้ : Best regards, Yours sincerely, Yours faithfully, Sincerely, และลงท้ายด้วยชื่อ-นามสกุลของคุณ เท่านี้ก็ดูเป็นทางการแล้วครับ!
ถึงแม้ว่า New Normal ในครั้งนี้ เราต้องปรับอะไรหลายๆอย่าง หากทำตามคำแนะนำจากเรา รับรองจะทำให้เรามีชัยกว่าคู่แข่งคนอื่นแน่นอน แวะมาฝากประวัติกับเราได้เลยที่
JOBGATE