JOBGATE BLOG

Blog page

คัมภีร์การเขียนเรซูเม่ฉบับสมบูรณ์




ในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันที่นับวันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น ตำแหน่งงานในบริษัทดี ๆ ก็ต้องการคนคุณภาพเข้าร่วมงาน ด่านแรกที่ผู้สมัครทุกคนต้องเจอคือการเขียนเรซูเม่ที่จะชนะใจผู้อ่านได้ในเวลาสั้น ๆ จนนำไปสู่การสัมภาษณ์ในขั้นต่อไป แต่การเขียนเรซูเม่ (Resume) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ CV (Curriculum Vitae) ที่ดีนั้นต้องการองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความชัดเจน ความกระชับของสิ่งที่นำมาเขียน การจัดวางองค์ประกอบ ฯลฯ ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อสร้างโปรไฟล์ของคุณขึ้นมาให้คนที่คุณไม่มีโอกาสได้พบปะพูดคุยด้วย ได้รู้จักคุณในภาพรวมมากขึ้น รวมถึงมีโอกาสบอกเล่าประสบการณ์และความสำเร็จทั้งในรั้วมหาวิทยาลัย หรือในหน้าที่การงานที่เคยทำก่อนคิดสมัครงานตำแหน่งใหม่อีกด้วย


เรซูเม่คืออะไร สำคัญขนาดไหน?

เรซูเม่คือเอกสารที่สรุปประวัติส่วนตัวและการทำงานส่วนบุคคล เปรียบเสมือนเป็นด่านแรกในการตัดสินใจคัดเลือกพนักงาน โดยจะเน้นความกระชับได้ใจความและครบถ้วน เพื่อใช้ในการสมัครงานหรือตำแหน่งที่เราต้องการ ส่วนมากเรซูเม่จะมีความยาวเพียงหนึ่งหน้ากระดาษเท่านั้นหากประสบการณ์ทำงานไม่ได้มีมากเกิน 10 ปี ในเรซูเม่จะเขียนถึงประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประวัติการทำการ จุดมุ่งหมายในการทำงาน รวมไปถึงความรู้ความสามารถที่มีประโยชน์ต่อตำแหน่งที่สมัครไป เพื่อที่จะทำให้ฝ่ายบุคคลหรือ HR (Human Resources) สามารถทำความรู้จักกับผู้สมัครได้ในระยะเวลาที่สั้น


ส่วนความสำคัญของเรซูเม่นั้นก็มีมากขนาดที่ว่าถ้าเขียนเรซูเม่ไม่ดี โอกาสสัมภาษณ์งานของคุณก็เกือบจะเท่ากับ 0 เพราะในปัจจุบันคนที่แข่งขันกันมีแนวโน้มสูงขึ้นมากไม่ว่าจะเป็นจากผู้ที่เพิ่งจบใหม่ หรือผู้มีประสบการณ์ที่มองหาความก้าวหน้า นอกจากนี้รูปร่างหน้าตาและความทันสมัยของเรซูเม่คุณก็มีส่วนที่ทำให้ฝ่ายสรรหาบุคคลเลือกคุณมาเป็นพนักงานอีกด้วย


3 รูปแบบหลักของเรซูเม่

ในปัจจุบันเราแบ่งเรซูเม่เป็น 3 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้

1. Chronological Resume – แบบเน้นประสบการณ์ในการทำงาน นิยมมากที่สุดและพบได้ทั่วไป การเขียนเรซูเม่ประเภทนี้คือการนำเหตุการณ์ล่าสุดขึ้นก่อน เช่น จบจากที่ไหนมา ทำงานตำแหน่งล่าสุดที่ไหน จากนั้นย้อนอดีตลงไปเรื่อย ๆ 2. Functional Resume (Skill-based Resume) – แบบเน้นทักษะ และความสามารถ โดยจะเหมาะกับตัวงานที่ไม่เน้นประสบการณ์ แต่เน้นความสามารถเฉพาะทางเป็นหลัก หรือสำหรับผู้สมัครที่ว่างงานนานและบ่อยจนไม่สามารถเขียน Chronological resume ได้สวย 3. Combination Resume– แบบผสมผสาน ใช้เมื่อคุณมีทั้งความสามารถและประสบการณ์ควบคู่กัน เหมาะสำหรับผู้บริหาร


องค์ประกอบของเรซูเม่

ไม่ว่าคุณจะเลือกเขียนเรซูเม่รูปแบบไหน สิ่งที่ควรจะมีอยู่ในการเขียนเรซูเม่ของคุณก็จะมีหัวข้อหลัก ๆ ดังนี้
ประวัติส่วนตัว (Personal Information):

  • • ชื่อ – นามสกุล
  • • ตำแหน่งล่าสุด หากทำงานแล้ว
  • • น้ำหนัก ส่วนสูง (บางตำแหน่งอาจต้องการให้คุณระบุแต่ตามปกติไม่ต้องระบุ)
  • • ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ และอีเมลที่อ่านแล้วเป็นทางการ
  • • รูปถ่ายหน้าตรงแบบสุภาพ ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องแบบ เพียงแต่งกายสุภาพ


ประวัติการศึกษา (Education):

  • • ระดับการศึกษาปริญญาเอก (หากได้รับเกียรตินิยมสามารถระบุได้)
  • • ระดับการศึกษาปริญญาโท (หากได้รับเกียรตินิยมสามารถระบุได้)
  • • ระดับการศึกษาปริญญาตรี (หากได้รับเกียรตินิยมสามารถระบุได้)
  • •ทุนการศึกษาหรือทุนวิจัยในระดับอุดมศึกษา (หากได้รับสามารถระบุได้)
  • • ระดับมัธยมศึกษา (สามารถระบุเกรดเฉลี่ยได้)
* หมายเหตุ ควรเรียงลำดับจากการศึกษาระดับสูงที่สุดก่อน และสำหรับระดับมัธยมศึกษาจะระบุหรือไม่ก็ได้


จุดมุ่งหมายในการทำงาน (Career Objective) เป็นย่อหน้าสั้น ๆ ที่ให้คุณกล่าวถึงความสนใจในตำแหน่งงานที่สมัคร เป้าหมายของตัวคุณเอง และทำไมคุณถึงเหมาะกับบริษัทและตำแหน่งนั้น ๆ ในส่วนนี้จะมีผลต่อการพิจารณาหากเขียนได้ดีเพราะเป็นเพียงพื้นที่เดียวที่คุณสามารถพิมพ์เกี่ยวกับตัวคุณได้นอกจากการที่คุณเคยทำอะไรมาบ้างสั้น ๆ เราจึงอยากให้ใช้หัวข้อนี้ให้เป็นประโยชน์


ประสบการณ์การทำงาน (Work Experience)

  • • ระยะเวลา ตำแหน่งและบริษัทที่ได้ร่วมงาน
  • • ระยะเวลา ตำแหน่งและบริษัทที่เคยฝึกงาน
  • •ระยะเวลา รายละเอียดที่เคยทำมา (สั้น กระชับ และได้ใจความ)
  • • ระยะเวลา รางวัลที่เคยได้รับ
  • • ระยะเวลา กิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยเข้าร่วม (เช่น จิตอาสา งานออกค่าย หรือโครงการ)


ความสามารถพิเศษและทักษะ (Skills)

  • • ทักษะการใช้ภาษา สามารถระบุมีทักษะการใช้ภาษากี่ภาษา และควรจะระบุระดับความสามารถ เช่น ดีเยี่ยม ดี ปานกลาง หรือพอใช้ หากมีผลการทดสอบยืนยันให้ระบุคะแนนสอบด้วย เช่น ภาษาอังกฤษดีเยี่ยม มีผลสอบ IELTS 8.0 หรือ TOEIC 990
  • • ความสามารถในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ เช่น Adobe Creative Suite, Microsoft Excel ฯลฯ
  • • การขับรถ ระบุเมื่อจำเป็นต่อตำแหน่งงานเท่านั้น เช่น งานขาย งานขับรถ เป็นต้น
  • • ทักษะอื่น ๆ หรือความสามารถอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับงานที่สมัคร
  • สมัครงานด้านโปรแกรมเมอร์ : หากผู้สมัครมีทักษะด้านการเขียนภาษา Java, .Net, หรือ Php สามารถระบุลงไปอย่างชัดเจนว่าเคยทำเครื่องมืออะไรบ้างหรือใช้เฟรมเวิร์ค (Framework) อะไรเป็น
  • สมัครงานคลังสินค้า : ผู้สมัครสามารถระบุว่าสามารถขับรถฟอร์คลิฟท์ (Forklift) ได้ และมีใบขับขี่


รางวัลในความสำเร็จต่าง ๆ (Honors / Awards)

  • • ชนะในการประกวดหรือโครงการต่าง ๆ
  • • เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานที่จะสมัครต่าง ๆ


ควรจะระบุชื่อบุคคลที่สามที่สามารถรับรองหรือให้ข้อมูลกับบริษัทที่สมัครไป (Referrals)

  • • ชื่อ - นามสกุล และช่องทางการติดต่อต่าง ๆ ของบุคคลที่สามอย่างชัดเจน
  • • ให้เลือกตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดที่ทำงานกับคุณ เช่น หัวหน้าโดยตรง หรือหัวหน้าคุณ 2-3 ขั้นที่คุณมีโอกาสทำงานด้วยบ่อย ๆ โดยคน ๆ นี้ต้องรู้จักคุณพอสมควร เพราะ HR มักจะโทรศัพท์ไปสอบถามผลงานของคุณโดยตรง
  • • สำหรับนักศึกษาที่จบใหม่ให้เลือกอ้างอิงอาจารย์ที่สนิทและรู้นิสัยหรือผลการเรียนเป็นอย่างดี หากเคยฝึกงานก็สามารถอ้างอิงถึงผู้บังคับบัญชาในอดีตได้
  • • ไม่ควรอ้างอิงถึงเพื่อน คนในครอบครัว ญาติ หรือคนที่เกี่ยวข้องโดยตรงที่ไม่ได้ทำงานด้วยกันมาก่อน


การจัดวางตำแหน่งและดีไซน์ของเรซูเม่

การเขียนเรซูเม่ที่ดีนั้นไม่ว่าคุณจะใช้ดีไซน์ไหน สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือคุณเลือกที่จะใส่อะไรลงไปเพื่อให้บริษัทสนใจ และอ่านข้อมูลของคุณได้อย่างรวดเร็วที่สุด จากการศึกษาพบว่าผู้ที่คัดกรองเรซูเม่นั้นจะใช้เวลาเพียงไม่ถึง 6 วินาทีเพื่อตัดสินใจว่าจะเลือกเก็บเรซูเม่ของคุณไว้หรือโยนทิ้งไป ดังนั้นนอกจากเนื้อหาที่กระชับ คุณจึงควรพิจารณาตำแหน่งการจัดวางให้อ่านง่ายด้วย


การวางสัดส่วนเบื้องต้นที่เป็นที่นิยม ถ้าเราจะวัดกันให้ละเอียดสักหน่อยจะมี % ดังนี้


เด็กจบใหม่

  • • ข้อมูลส่วนตัว: พื้นที่ 10% (ประกอบด้วย ชื่อ-นามสกุล เบอร์ติดต่อ อีเมล และรูปถ่าย)
  • • การศึกษา: พื้นที่ 30% (เรียงจากลำดับสูงสุด)
  • • ประสบการณ์ฝึกงาน: พื้นที่ 30% (เรียงจากประสบการณ์ล่าสุด)
  • • สำหรับนักศึกษาที่จบใหม่ให้เลือกอ้างอิงอาจารย์ที่สนิทและรู้นิสัยหรือผลการเรียนเป็นอย่างดี หากเคยฝึกงานก็สามารถอ้างอิงถึงผู้บังคับบัญชาในอดีตได้

ผู้สมัครงานที่มีประสบการณ์การทำงาน

  • ข้อมูลส่วนตัว: พื้นที่ 10% (ประกอบด้วย ชื่อ-นามสกุล เบอร์ติดต่อ อีเมล และรูปถ่าย)
  • การศึกษา : พื้นที่ 10% (เรียงจากลำดับสูงสุด)
  • • ประสบการณ์ในการทำงานและจุดมุ่งหมาย: พื้นที่ 60% (เรียงจากประสบการณ์การทำงานล่าสุด)
  • • ความสามารถ สกิลต่าง ๆ และรางวัลความสำเร็จ: พื้นที่ 20% (เช่นประกอบด้วย ความสามารถด้านภาษาหรือสกิลการใช้คอมพิวเตอร์ รวมไปถึงรางวัลที่เคยได้รับ)

ตัวอย่างเรซูเม่แบบต่าง ๆ



เทคนิคในการเขียนเรซูเม่ให้โดนใจผู้อ่าน


  • ใส่แต่เนื้อ ไม่ต้องมีน้ำ: พึงระลึกไว้เสมอว่า HR คนที่คัดเลือกคุณมีเวลาให้คุณ 6 วินาที การเกริ่นเยิ่นเย้อมักไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี หากประสบการณ์ทำงานไม่ถึง 10 ปี หรือประสบความสำเร็จมาก โดยมากเรซูเม่เพียง 1 หน้ากระดาษก็เพียงพอแล้ว
  • ทุกรายละเอียด จับต้องและตีค่าได้: ในทุกตำแหน่งงานที่สมัคร หรือแม้แต่ความสำเร็จสำหรับนักศึกษาจบใหม่ คุณควรใส่เฉพาะหน้าที่และความสำเร็จที่จับต้องได้ มีผลลัพธ์และการกระทำของคุณ เช่น หากคุณเป็น Sales คุณก็สามารถระบุได้ว่ายอดขายบริษัทเพิ่มขึ้น 15% เพราะคุณเปลี่ยนกลยุทธ์การขายเป็นแบบออนไลน์ผ่าน Facebook ในปีที่ผ่านมา หรือหากคุณเป็นนักศึกษา คุณอาจยกตัวอย่างความสำเร็จจากโปรเจคที่ได้ทำร่วมกับเพื่อนร่วมทีม หากคุณไม่ได้ทำคนเดียวก็อาจเน้นในด้านทักษะการประสานงาน แสดงความเป็นผู้นำในการพาทีมสู่ความสำเร็จด้วยวิธีการเฉพาะเจาะจงที่คุณทำก็ได้เช่นกัน
  • ทำการบ้านเสียหน่อย: ว่าตำแหน่งงานของคุณเป็นตำแหน่งอะไร มีศัพท์เฉพาะในวงการหรือไม่ บริษัทที่คุณสมัครเป็นบริษัทที่มีวิสัยทัศน์ในด้านไหน ต้องการมองหาคนแบบใด แล้วทำไมคุณถึงควรจะเป็นคนที่ถูกจ้างที่สุดด้วยประสบการณ์และทักษะที่คุณมี พยายาม personalize เรซูเม่ของคุณให้เข้ากับตำแหน่งและบริษัทก็จะเพิ่มโอกาสในการพิจารณาได้ดี
  • ถ้าเขียนภาษาอังกฤษ ให้ผู้รู้ช่วยดู: หลายครั้งการเขียนเรซูเม่ยื่นบริษัทดังมักจะใช้ภาษาอังกฤษ แต่ผู้สมัครมักจะมองข้ามความถูกต้องของภาษาทำให้พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย ถ้าคุณคิดจะเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษ คุณควรหาผู้รู้จริงหรือเจ้าของภาษาช่วยตรวจทานให้สักรอบก่อนยื่น เพราะหากผู้ที่มาอ่านเก่งภาษาแล้วก็จะรู้ทันทีว่าสกิลคุณอยู่ระดับไหน เรซูเม่ที่ดีนั้นจะสร้างความประทับใจได้ตั้งแต่ภาษาที่เลือกใช้
  • รู้จักปิดจุดอ่อน เสริมจุดแข็ง: ผู้สมัครหลาย ๆ คนมักคิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไรดี หรือที่ผ่านมาทำงานเยอะไปหมดแต่ไม่รู้จะเอาอะไรมาเขียนในเรซูเม่ให้ดูว้าว สมมุติว่าคุณเป็นเด็กจบใหม่ไม่มีประสบการณ์เลย คุณก็ควรต้องเชื่อมสิ่งที่ตัวเองเคยทำเข้ากับตำแหน่งงานที่จะสมัคร โดยเน้นว่าทักษะต่าง ๆ นั้นได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่ยังเรียนแล้ว และสามารถนำไปใช้ต่อยอดกับงานบริษัทได้อย่างไร
    หากสมมุติว่าคุณเป็นพนักงานบริษัทที่ทำด้านการประสานงานแต่คุณทำได้ไม่ดีเลยไม่รู้จะเขียนอย่างไร ถ้าคุณไปสมัครงานตำแหน่งอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานเดิมดูบ้าง คุณอาจจะเลี่ยงประเด็นนี้ไปโดยบอกว่าคุณประสบความสำเร็จมากกับการคิดโปรเจคด้วยไอเดียและเครื่องมือใหม่ ๆ ซึ่งสร้างรายได้ให้บริษัทมากกว่าการประสานงานของคุณ คุณเลยตัดสินใจย้ายสายงานมาสมัครตำแหน่งใหม่แทน ในส่วนของวิธีคิดนี้ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ประสบการณ์ของผู้สมัครเองว่าจะเบี่ยงไปทางไหนให้ชูจุดเด่นของคุณได้ดีที่สุด

ถ้าแค่คิดก็ปวดหัวแล้วว่าจะสร้างอย่างไร เพียงคลิก Register และกรอกข้อมูลของคุณในระบบตามขั้นตอนง่าย ๆ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เรซูเม่ถึง 3 แบบในมือ สมัครงานได้ตั้งแต่บริษัทข้ามชาติจนถึงหน่วยงานราชการ ดาวน์โหลดเป็น PDF เก็บไปยื่นเองก็ได้ หรือจะเริ่มสมัครงานออนไลน์กับบริษัทกว่า 3,000 แห่งผ่าน Jobgate ก็เริ่มได้ทันที รู้แบบนี้แล้วก็อย่ารอช้า รีบไปฝากเรซูเม่ที่คุณสร้างขึ้นบน Jobgate แล้วเริ่มเปิดประตูสู่ตำแหน่งงานในฝันกันได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งในระดับต้นจนถึงระดับบริหาร ทำงานที่ไหนเราก็มีตำแหน่งงานมากมายที่รอผู้สมัครคุณภาพอย่างคุณที่www.myjobgate.com



URL COPIED SUCCESS

ลงทะเบียนกับเรา


  •   สร้างเรซูเม่ของคุณ และกดค้นหางาน ง่ายๆ เพียงไม่กี่คลิก
ลงทะเบียน

คุณมีความคิดที่จะเปลี่ยนงาน?


  •   คุณสามารถค้นหางานหรือเปลี่ยนงานง่ายๆ เพียงฝากประวัติไว้กับเรา
ฝากประวัติ

รับในเสนอราคา


  •   แพคเกจที่คุ้มค้่ที่สุดสำรับองค์กรของคุณ
แนะนำแพคเกจ

หาผู้ร่วมงานกับองค์กร


  •   หากคุณเป็นบริษัทและต้องการจะลงตำแหน่งงานกับเรา
ลงตำแหน่งงาน

ลงทะเบียนกับเรา


  •   สร้างเรซูเม่ของคุณ และกดค้นหางาน ง่ายๆ เพียงไม่กี่คลิก
ลงทะเบียน

คุณมีความคิดที่จะเปลี่ยนงาน?


  •   คุณสามารถค้นหางานหรือเปลี่ยนงานง่ายๆ เพียงฝากประวัติไว้กับเรา
ฝากประวัติ

รับในเสนอราคา


  •   แพคเกจที่คุ้มค้่ที่สุดสำรับองค์กรของคุณ
แนะนำแพคเกจ

หาผู้ร่วมงานกับองค์กร


  •   หากคุณเป็นบริษัทและต้องการจะลงตำแหน่งงานกับเรา
ลงตำแหน่งงาน

เทคนิค ชิวิตทำงาน

การทำงานกับสีเสื้อมงคล

อ่านต่อ

ไอเดียการแต่งตัวไปทำงาน_หญิง

อ่านต่อ

อุปกรณ์ออฟฟิศดีลเด็ด

อ่านต่อ

แนะนำหนังปลุกใจ

อ่านต่อ

การสัมภาษณ์งานเปรียบเสมือนด่านที่สองนับจาก...

อ่านต่อ

ในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันที่นับวันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น

อ่านต่อ

เก็งคำถามสัมภาษณ์แนะนำตัวเอง

อ่านต่อ

เรียนจบมาแล้วทำอะไรต่อ

อ่านต่อ

Golden hour blog

อ่านต่อ

4-ข้อสำคัญก่อนเริ่มหางาน

อ่านต่อ

เคล็ดลับ-first-impresion

อ่านต่อ

One-Page Resume

อ่านต่อ

เตรียมพร้อมสัมภาษณ์ออนไลน์

อ่านต่อ

ค่าแรงขั้นต่ำ

อ่านต่อ

การเขียนอีเมล์สมัครงาน

อ่านต่อ

5 แนวคิดที่จะทำให้ชีวิตและการทำงานมีความสุข

อ่านต่อ

เคล็ดลับ หาและเลือกงานที่ใช่สำหรับตัวเอง

อ่านต่อ

สร้างความมั่นใจไปคว้างาน

อ่านต่อ

ไม่ว่าจะสัมภาษณ์งานในรูปแบบไหน

อ่านต่อ

มนุษย์เป็ดที่เข้าใจและทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่เก่งให้สุดสักทาง

อ่านต่อ